ขนาดกล่องพัสดุมาตรฐาน เลือกอย่างไรให้คุ้มค่า
การเลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสมกับการขนส่งสินค้าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องสินค้าจากการกระแทกและความเสียหายแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งอีกด้วย บทความนี้จะมาแนะนำขนาดกล่องพัสดุมาตรฐานที่นิยมใช้ วิธีการวัดขนาดสินค้า และคำแนะนำในการเลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับบริการขนส่งต่างๆ
ขนาดกล่องพัสดุมาตรฐานที่นิยมใช้ในประเทศไทย
ขนาดกล่องพัสดุมาตรฐานที่นิยมใช้มีหลากหลายขนาด ซึ่งแต่ละขนาดก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้วขนาดกล่องพัสดุจะวัดจากความยาว ความกว้าง และความสูงของกล่อง ซึ่งมีหน่วยวัดเป็นเซนติเมตร (ซม.) หรือนิ้ว (นิ้ว)
ตัวอย่างขนาดกล่องพัสดุมาตรฐาน
ขนาด (ซม.) | ขนาด (นิ้ว) | การใช้งานที่เหมาะสม |
15 x 10 x 6 | 5.9 x 3.9 x 2.4 | สินค้าขนาดเล็ก เช่น เครื่องประดับ เครื่องสำอาง |
20 x 15 x 10 | 7.9 x 5.9 x 3.9 | สินค้าขนาดกลาง เช่น เสื้อผ้า หนังสือ |
30 x 20 x 15 | 11.8 x 7.9 x 5.9 | สินค้าขนาดใหญ่ เช่น รองเท้า กระเป๋า |
40 x 30 x 20 | 15.7 x 11.8 x 7.9 | สินค้าขนาดใหญ่พิเศษ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า |
วิธีการวัดขนาดสินค้าเพื่อเลือกกล่องที่เหมาะสม
- เตรียมอุปกรณ์: ไม้บรรทัดหรือเทปวัด
- วัดขนาดสินค้า: วัดความยาว ความกว้าง และความสูงของสินค้า โดยวัดจากส่วนที่กว้างที่สุด ยาวที่สุด และสูงที่สุด
- เผื่อขนาด: เผื่อขนาดเพิ่มเติมประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อให้สินค้าสามารถใส่ในกล่องได้อย่างพอดี และมีพื้นที่สำหรับวัสดุกันกระแทก
- เลือกขนาดกล่อง: เลือกขนาดกล่องที่เหมาะสมกับขนาดสินค้าที่วัดได้ โดยคำนึงถึงขนาดที่เผื่อไว้แล้ว
การเลือกขนาดกล่องให้เหมาะสมกับบริการขนส่งต่างๆ
บริษัทขนส่งแต่ละแห่งมีข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับขนาดกล่องพัสดุที่แตกต่างกันไป การตรวจสอบข้อกำหนดเหล่านี้ก่อนเลือกขนาดกล่องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการจัดส่ง เช่น การถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม หรือการที่พัสดุไม่สามารถจัดส่งได้
สิ่งที่ควรตรวจสอบในข้อกำหนดและเงื่อนไข
- ขนาดกล่องสูงสุด: บริษัทขนส่งจะกำหนดขนาดกล่องสูงสุดที่สามารถรับส่งได้ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบริการ เช่น บริการส่งด่วน บริการส่งพัสดุขนาดใหญ่
- ผลรวมของขนาด: บางบริษัทขนส่งจะกำหนดผลรวมของความยาว ความกว้าง และความสูงของกล่อง (บางครั้งเรียกว่า “ขนาดโดยรวม”) ซึ่งต้องไม่เกินค่าที่กำหนด
- น้ำหนักสูงสุด: นอกจากขนาดแล้ว บริษัทขนส่งยังกำหนดน้ำหนักสูงสุดของพัสดุที่สามารถรับส่งได้
- ข้อจำกัดอื่นๆ: อาจมีข้อจำกัดอื่นๆ เกี่ยวกับขนาดและรูปแบบของกล่อง เช่น รูปทรงของกล่อง วัสดุที่ใช้ทำกล่อง หรือวิธีการแพ็คสินค้า
วิธีการตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไข
- เว็บไซต์ของบริษัทขนส่ง: ตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัทขนส่งที่ต้องการใช้บริการ ซึ่งมักจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของพัสดุที่สามารถรับส่งได้
- ติดต่อบริษัทขนส่งโดยตรง: หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อบริษัทขนส่งโดยตรงผ่านทางโทรศัพท์ อีเมล หรือช่องทางอื่นๆ ที่บริษัทให้บริการ
- อ่านเอกสารหรือคู่มือ: บริษัทขนส่งอาจมีเอกสารหรือคู่มือที่อธิบายเกี่ยวกับข้อกำหนดและเงื่อนไขในการจัดส่ง ซึ่งสามารถขอรับได้จากบริษัท หรือดาวน์โหลดจากเว็บไซต์
ตัวอย่างข้อกำหนดและเงื่อนไขเกี่ยวกับขนาดกล่องพัสดุของบริษัทขนส่งบางแห่ง
- ไปรษณีย์ไทย: ขนาดกล่องพัสดุต้องไม่เกิน 60 เซนติเมตร (ด้านยาวที่สุด) และผลรวมของความยาว ความกว้าง และความสูงต้องไม่เกิน 150 เซนติเมตร
- Kerry Express: ขนาดกล่องพัสดุต้องไม่เกิน 200 เซนติเมตร (ด้านยาวที่สุด) และผลรวมของความยาว ความกว้าง และความสูงต้องไม่เกิน 300 เซนติเมตร
- J&T Express: ขนาดกล่องพัสดุต้องไม่เกิน 150 เซนติเมตร (ด้านยาวที่สุด) และผลรวมของความยาว ความกว้าง และความสูงต้องไม่เกิน 250 เซนติเมตร
(ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดกับบริษัทขนส่งอีกครั้ง)
สรุป
การเลือกขนาดกล่องพัสดุที่เหมาะสมกับการขนส่งสินค้าเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การขนส่งเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดค่าใช้จ่าย หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้คุณมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกขนาดกล่องพัสดุมากยิ่งขึ้น