หญิงสาวกำลังทำ Live Commerce ผ่านสมาร์ทโฟนบนขาตั้ง ยิ้มและโบกมือทักทาย มีไอคอนไลค์และอีโมจิลอยรอบภาพ

กลยุทธ์การทำ Live Commerce ให้ยอดขายพุ่ง! เคล็ดลับที่ธุรกิจต้องรู้

ในยุคที่การซื้อขายออนไลน์เติบโตอย่างก้าวกระโดด Live Commerce หรือการไลฟ์สดขายสินค้า กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง สร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็ว และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้อย่างใกล้ชิด หากคุณกำลังมองหาวิธีเพิ่มยอดขายและสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของคุณ การทำความเข้าใจกลยุทธ์ Live Commerce ที่ถูกต้องและนำไปปรับใช้ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกกลยุทธ์การทำ Live Commerce ให้ยอดขายพุ่ง พร้อมเคล็ดลับที่ธุรกิจต้องรู้ เพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้และสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ

Live Commerce คืออะไร?

Live Commerce คือการผสมผสานระหว่าง Live Streaming และ E-Commerce เป็นการขายสินค้าแบบเรียลไทม์ผ่านไลฟ์สดบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Instagram, TikTok, Shopee, Lazada ผู้ขายสามารถโชว์สินค้า สาธิตการใช้งาน ตอบคำถาม และโต้ตอบกับผู้ซื้อได้แบบทันที ทำให้ผู้ซื้อรู้สึกเหมือนได้เลือกซื้อสินค้าในร้านจริง ๆ และตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

Live Commerce มีกี่ประเภท?

  • Live Selling: การไลฟ์สดเพื่อขายสินค้าโดยตรง โดยผู้ขายจะนำเสนอสินค้า สาธิตการใช้งาน และให้ข้อมูลรายละเอียดสินค้า
  • Interactive Live: การไลฟ์สดที่เน้นการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชม เช่น การตอบคำถาม การเล่นเกม การให้คำปรึกษา
  • Event Live: การไลฟ์สดเพื่อถ่ายทอดสดกิจกรรมพิเศษ เช่น การเปิดตัวสินค้าใหม่ การสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อดีของ Live Commerce

  1. สร้าง Engagement: สามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากผู้ชมสามารถแสดงความคิดเห็น หรือโต้ตอบกับผู้ขายได้แบบเรียลไทม์
  2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ: ผู้ขายสามารถแสดงบุคลิกภาพ ความรู้ และความจริงใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้อย่างตรงไปตรงมา ทำให้ผู้ชมรู้สึกว่ากำลังมีปฏิสัมพันธ์กับคนจริง ๆ
  3. กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ: สามารถลดความกังวลและอุปสรรคในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. เพิ่มยอดขาย: สามารถสร้างยอดขายได้ในระยะเวลาอันสั้น ด้วยการนำเสนอสินค้าและโปรโมชั่นที่น่าสนใจ

ข้อเสียของ Live Commerce

  1. ต้องใช้ทักษะ: ผู้ขายต้องมีทักษะในการพูด การนำเสนอ และการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
  2. ต้องมีการเตรียมตัว: ต้องมีการเตรียมสคริปต์ สินค้า และอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนการไลฟ์
  3. ต้องมีการจัดการ: ต้องมีการจัดการคำสั่งซื้อ การจัดส่ง และการบริการลูกค้าหลังการขาย
  4. ต้องมีการลงทุน: ต้องมีการลงทุนในอุปกรณ์ การตลาด และทีมงาน

กลยุทธ์การทำ Live Commerce ให้ยอดขายพุ่ง ต้องทำอย่างไรบ้าง

1.เตรียมสคริปต์และเนื้อหาให้น่าสนใจ

วางแผนการนำเสนอสินค้าและบริการของคุณ โดยจัดลำดับเรื่องที่จะพูด เรียงลำดับสินค้าเอาไว้ให้ดี และจดโน้ตสั้นๆ เกี่ยวกับจุดเด่นรวมถึงจุดขายสำคัญของสินค้าแต่ละตัวเอาไว้ จะทำให้คุณส่งต่อข้อมูลของผลิตภัณฑ์ได้อย่างครบถ้วนไม่ตกหล่น สลับการขายสินค้าด้วยกิจกรรมสนุก ๆ หรือมีการแจกของรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับคนที่เข้ามาดูไลฟ์

2.สร้างคาแร็คเตอร์ที่โดดเด่น

สร้างตัวตนใน Social Media ให้มีความสนุกสนาน และความแตกต่าง เพื่อคลายเครียดจากสิ่งที่เจอมาตลอดวัน

3.เลือกเวลาที่เหมาะสม

การไลฟ์ขายของออนไลน์ หากมีผู้ชมจำนวนมากคุณก็มีโอกาสขายได้เยอะ อันดับแรกเลยก็ต้องรู้ว่ากลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณคือใคร เพื่อที่จะกำหนดเวลาไลฟ์ได้อย่างถูกต้อง

4.สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า

ทักทายกลุ่มผู้ชม หากมีผู้ชมที่เป็นแฟนตัวยงหรือเป็นลูกค้าประจำ แนะนำให้จำชื่อ และทักทายอย่างเป็นกันเอง

5.จัดโปรโมชั่นที่ดึงดูด

การจัดโปรโมชั่นต่างๆ เช่น โปรโมชั่นลดราคาในวันสำคัญหรือให้ลูกค้าช่วยแชร์ลงกลุ่ม รับสินค้าในราคาพิเศษ ตั้งคำถามเพื่อชิงรางวัล ฯลฯ

6.จัดการองค์ประกอบในฉากให้สวยงาม

ฉากหลังที่สวยงาม ช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าและยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้า

7.ไลฟ์อย่างสม่ำเสมอ

เมื่อเริ่มไลฟ์แล้ว ต้องหมั่นไลฟ์บ่อย ๆ และไลฟ์ในเวลาเดิม ๆ ให้ลูกค้าได้วางแผน ล็อกเวลาและเคลียร์คิวเพื่อมาดูไลฟ์ของเรา

สรุป

Live Commerce เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการเพิ่มยอดขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า หากคุณนำกลยุทธ์และเคล็ดลับที่เราได้กล่าวมาไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ คุณจะสามารถสร้าง Live Commerce ที่ประสบความสำเร็จและสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจได้อย่างแน่นอน สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อให้คุณสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าและสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจของคุณในยุคดิจิทัล