ตัวอย่างวัสดุกระดาษ ที่นิยมใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ วางเรียงกัน

รู้จัก 9 วัสดุกระดาษที่นิยมใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์

ในวงการผลิตบรรจุภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นกล่องกระดาษ ถุงกระดาษ หรือฉลากสินค้า “วัสดุกระดาษ” ที่เลือกใช้นั้นมีผลต่อทั้งภาพลักษณ์ ความทนทาน และต้นทุนของสินค้าอย่างมาก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวัสดุกระดาษ 9 ชนิดยอดนิยม พร้อมคุณสมบัติเด่น การใช้งาน และข้อควรรู้สำหรับการเลือกใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์

ความเป็นมาของ “กระดาษ”

กระดาษมีต้นกำเนิดมานานกว่า 2,000 ปี โดยเริ่มจากประเทศจีนในสมัยราชวงศ์ฮั่น ก่อนแพร่กระจายไปทั่วโลก ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตกระดาษพัฒนาไปมาก จนสามารถปรับคุณสมบัติให้เหมาะกับงานพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์

คำว่า “กระดาษ” และ “Paper” มาจากไหน?

คำว่า กระดาษ มาจากภาษาสันสกฤตว่า karatas หมายถึงวัสดุแผ่นบางสำหรับเขียน ส่วนคำว่า Paper มาจากภาษาละติน papyrus ซึ่งเดิมเป็นต้นพืชที่ใช้ทำแผ่นเขียนในอียิปต์โบราณ

9 วัสดุกระดาษที่นิยมใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ มีอะไรบ้าง

1.กระดาษอาร์ตการ์ด 1 หน้า (Art Card 1 Side)

คุณสมบัติ

  • ผิวหน้าด้านหนึ่งเคลือบมัน เรียบเนียน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความคมชัด
  • อีกด้านไม่มีการเคลือบ ทำให้สามารถเขียนหรือพิมพ์เพิ่มเติมได้

ข้อดี

  • ให้ภาพพิมพ์ที่สวยงาม สีสันสดใส
  • เหมาะสำหรับงานที่ต้องการพิมพ์ด้านเดียว และอีกด้านต้องการเขียนหรือพิมพ์เพิ่มเติม

แกรมที่นิยมใช้

  • 260 แกรม
  • 300 แกรม
  • 350 แกรม
  • 400 แกรม (นิยมใช้มากที่สุด)

การใช้งานที่แนะนำ

  • กล่องเครื่องสำอาง
  • การ์ดเชิญ
  • ปกหนังสือ

2.กระดาษอาร์ตการ์ด 2 หน้า (Art Card 2 Side)

คุณสมบัติ

  • ทั้งสองด้านเคลือบมัน เรียบเนียน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความคมชัดทั้งสองด้าน

ข้อดี

  • ให้ภาพพิมพ์ที่สวยงามทั้งสองด้าน
  • เหมาะสำหรับงานที่ต้องการพิมพ์ทั้งสองด้าน

แกรมที่นิยมใช้

  • 190 แกรม
  • 210 แกรม
  • 230 แกรม
  • 260 แกรม

การใช้งานที่แนะนำ

  • กล่องของขวัญ
  • กล่องอาหารพรีเมียม
  • โปสการ์ด

3.กระดาษกล่องแป้งหลังขาว

คุณสมบัติ

  • ผิวหน้าด้านหนึ่งเคลือบมันสีขาว เรียบเนียน อีกด้านเป็นสีขาว

ข้อดี

  • ให้ภาพพิมพ์ที่สวยงาม
  • ด้านในสีขาว ดูสะอาดตา เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร

แกรมที่นิยมใช้

  • 300 แกรม
  • 350 แกรม
  • 400 แกรม

การใช้งานที่แนะนำ

  • กล่องขนม
  • กล่องอาหาร
  • กล่องของเล่น

4.กระดาษกล่องแป้งหลังเทา

คุณสมบัติ

  • ผิวหน้าด้านหนึ่งเคลือบมันสีขาว เรียบเนียน อีกด้านเป็นสีเทา

ข้อดี

  • ให้ภาพพิมพ์ที่สวยงาม
  • ราคาประหยัดกว่าแบบหลังขาว

แกรมที่นิยมใช้

  • 300 แกรม
  • 350 แกรม
  • 400 แกรม
  • 450 แกรม

การใช้งานที่แนะนำ

  • กล่องรองเท้า
  • กล่องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • กล่องสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป

5.กระดาษคราฟท์ (Kraft Paper)

คุณสมบัติ

  • สีออกน้ำตาลธรรมชาติ มีความแข็งแรงสูง

ข้อดี

  • ทนทานต่อการฉีกขาด
  • ให้ภาพลักษณ์ที่เป็นธรรมชาติและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

แกรมที่นิยมใช้

  • 300 แกรม
  • 350 แกรม
  • 375 แกรม
  • 450 แกรม (นิยมใช้มากที่สุด)

การใช้งานที่แนะนำ

  • กล่องบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรง
  • ถุงกระดาษ
  • บรรจุภัณฑ์สินค้าออร์แกนิก

6.กระดาษปอนด์ (Bond Paper)

คุณสมบัติ

  • ผิวเรียบ สีขาว ไม่มีการเคลือบผิว

ข้อดี

  • เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการเขียนเพิ่มเติม
  • ราคาประหยัด

แกรมที่นิยมใช้

  • 80 แกรม
  • 100 แกรม
  • 120 แกรม

การใช้งานที่แนะนำ

  • ซองเอกสาร
  • เอกสารประกอบบรรจุภัณฑ์
  • ห่อสินค้าเบา ๆ

7.กระดาษอาร์ตมัน (Glossy Art Paper)

คุณสมบัติ

  • ผิวมันเงา เรียบเนียน ทั้งสองด้าน

ข้อดี

  • ให้ภาพพิมพ์ที่คมชัด สีสันสดใส
  • เหมาะสำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความหรูหรา

แกรมที่นิยมใช้

  • 130 แกรม
  • 160 แกรม

การใช้งานที่แนะนำ

  • แผ่นพับ
  • โบรชัวร์
  • โปสเตอร์

8.กระดาษฟอยล์ (Foil Paper)

คุณสมบัติ

  • ผิวเคลือบฟอยล์ มีความเงางามและสะท้อนแสง

ข้อดี

  • เพิ่มความหรูหราและพรีเมียมให้กับบรรจุภัณฑ์
  • ดึงดูดความสนใจของลูกค้า

แกรมที่นิยมใช้

  • ขึ้นอยู่กับประเภทของฟอยล์และการใช้งาน

การใช้งานที่แนะนำ

  • กล่องของขวัญ
  • บรรจุภัณฑ์สินค้าหรูหรา
  • การ์ดเชิญพิเศษ

9.กระดาษจั่วปัง (Chipboard)

คุณสมบัติ

  • มีความหนาและแข็งแรงสูง

ข้อดี

  • ทนทาน เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความแข็งแรง
  • ให้ภาพลักษณ์ที่พรีเมียม

ความหนาที่นิยมใช้

  • มีหลายระดับความหนา ขึ้นอยู่กับการใช้งาน

การใช้งานที่แนะนำ

  • กล่องแบรนด์หรู
  • กล่องใส่นาฬิกา
  • กล่องเครื่องประดับ

คุณสมบัติวัสดุกระดาษ ต้องมีอะไรบ้างในการพิมพ์บรรจุภัณฑ์?

1.ความทึบแสง (Opacity)

  • คือ: ความสามารถของกระดาษในการปิดกั้นแสงไม่ให้ทะลุผ่าน
  • ทำไมสำคัญ: หากกระดาษมีความทึบแสงต่ำ จะมองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังหรือด้านในได้ เช่น ลวดลายด้านหลัง, ตัวอักษร หรือแม้กระทั่งเงาของผลิตภัณฑ์ ซึ่งไม่เหมาะกับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความเรียบร้อย เช่น กล่องพรีเมียม หรือกล่องอาหาร
  • เหมาะกับ: กล่องที่ต้องการความเนียนของพื้นหลัง และไม่มีลวดลายทะลุออกมา เช่น กระดาษกล่องแป้งหลังขาว

2.การพับง่ายหรือไม่ (Foldability / Crease Resistance)

  • คือ: ความสามารถในการพับโดยไม่แตกลาย หรือฉีกขาด
  • ทำไมสำคัญ: ในการผลิตกล่องหรือบรรจุภัณฑ์ จะต้องพับกระดาษหลายมุม หากกระดาษไม่ยืดหยุ่น หรือพับยาก อาจเกิดรอยแตก รอยปริ ทำให้ดูไม่เรียบร้อย และลดความน่าเชื่อถือของแบรนด์
  • เหมาะกับ: กล่องที่ต้องการพับหลายชั้น เช่น กล่องฝาชน, กล่องสไลด์

3.ความเรียบของผิวกระดาษ (Smoothness / Surface Finish)

  • คือ: ระดับความเรียบของผิวหน้า ที่ส่งผลต่อความสวยงามของงานพิมพ์
  • ทำไมสำคัญ: กระดาษที่เรียบจะทำให้หมึกกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ภาพพิมพ์คมชัด สีไม่ด่าง ไม่เป็นคลื่น เหมาะกับงานพิมพ์ 4 สีหรือพิมพ์ภาพถ่าย
  • เหมาะกับ: บรรจุภัณฑ์ที่ต้องการพิมพ์สีสด ภาพละเอียด เช่น กระดาษอาร์ตการ์ด, กระดาษอาร์ตมัน

4.การดูดหมึกพิมพ์และสี (Ink Absorption / Ink Holdout)

  • คือ: ความสามารถของกระดาษในการดูดหรือยึดหมึกพิมพ์ไว้กับพื้นผิว
  • ทำไมสำคัญ: กระดาษที่ดูดหมึกมากเกินไป อาจทำให้สีซีดหรือไม่คม ส่วนที่ดูดหมึกน้อยเกินไปก็อาจทำให้หมึกเลอะ หรือใช้เวลาแห้งนาน
  • เหมาะกับ: บรรจุภัณฑ์ที่เน้นงานพิมพ์คุณภาพสูง ต้องเลือกกระดาษที่มีการเคลือบผิวอย่างเหมาะสม เช่น อาร์ตการ์ดเคลือบด้าน/มัน

5.ความยืดหยุ่นและการคืนตัว (Flexibility / Elasticity / Stiffness)

  • คือ: ความสามารถของกระดาษในการโค้ง พับ งอ โดยไม่หักหรือเสียรูป และสามารถคืนรูปเดิมได้
  • ทำไมสำคัญ: หากกระดาษแข็งเกินไป อาจหักได้ง่ายเมื่อเจอแรงกระแทก หากนิ่มเกินไป อาจยุบตัว ไม่สามารถปกป้องสินค้าได้
  • เหมาะกับ: กล่องพรีเมียม เช่น กระดาษจั่วปัง ต้องการความแข็งแรง + ความเรียบเนียน และไม่เสียรูปง่าย

สรุป

วัสดุกระดาษที่ใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์มีให้เลือกหลากหลาย โดยแต่ละชนิดมีคุณสมบัติ จุดเด่น และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกระดาษอาร์ตการ์ด กระดาษกล่องแป้ง กระดาษคราฟท์ หรือจั่วปัง

การเลือกใช้วัสดุกระดาษให้เหมาะสมกับสินค้า ไม่เพียงช่วยเสริมภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูพรีเมียม แต่ยังส่งผลต่อความแข็งแรง สีสันของงานพิมพ์ และความรู้สึกของผู้บริโภคเมื่อต้องสัมผัสบรรจุภัณฑ์โดยตรง การเข้าใจสมบัติวัสดุกระดาษ เช่น ความเรียบ ความหนา หรือการดูดซึมหมึก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้บรรจุภัณฑ์ดูโดดเด่นและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

1.วัสดุประเภทกระดาษมีทั้งหมดกี่ชนิด และมีอะไรบ้าง?

โดยทั่วไป วัสดุกระดาษที่นิยมใช้ในงานพิมพ์บรรจุภัณฑ์มีอย่างน้อย 9 ชนิดหลัก เช่น กระดาษอาร์ตการ์ด, กล่องแป้ง, คราฟท์, ปอนด์, อาร์ตมัน, ฟอยล์ และจั่วปัง ซึ่งแต่ละแบบมีความหนา คุณสมบัติ และลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันตามความต้องการ

2.กระดาษทำจากอะไรได้บ้าง?

กระดาษสามารถผลิตจากเยื่อไม้ธรรมชาติ เยื่อรีไซเคิล หรือแม้แต่ใยพืชจากปอกระเจา ฟางข้าว และวัสดุธรรมชาติอื่น ๆ ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพ สี และความยืดหยุ่นของกระดาษ

3.จะเลือกกระดาษแบบไหนให้เหมาะกับกล่องบรรจุภัณฑ์ของฉัน?

การเลือกกระดาษขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า ความแข็งแรงที่ต้องการ งบประมาณ และภาพลักษณ์ของแบรนด์ เช่น กล่องหรูใช้จั่วปัง กล่องอาหารใช้กล่องแป้งหลังขาว